ศิลปินการปลูกพืชที่คอยรับฟังชีพจรชีวิต

เมื่ออายุ 40 ปี ถือเป็นจุดผกผันที่สำคัญสำหรับการพัฒนาของร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ตั้งแต่เวลานั้นมา ประสบการณ์ชีวิตก็เริ่มเกิดความแตกต่าง

เวลาก่อนหน้านั้น ทำงานข้าราชการที่มีอนาคตมั่นคงในสำนักงานราชการ แต่ในสายเลือดกลับเต็มไปด้วยความชื่นชอบความสวยงาม มักมีความรู้สึกพิเศษต่อหินและไม้ที่มีรูปทรงแปลกๆ เมื่อรู้สึกถูกชะตาก็เริ่มสะสมทีละอย่าง เมื่อเข้าไปถึงรังนกกระจอกที่หลินฮุ่ยหลานทำงาน ก็จะรับรู้ได้ถึงรสนิยมที่ไม่เหมือนใครของผู้เป็นเจ้าของ ในชีวิตประจำวันทั่วไปมักเกิดมุมมองที่แตกต่างในสายตาของเธอ ตัวอย่างเช่น การจัดเก็บมันเทศ ทำการจัดวาง ก็สามารถเป็นผลงานที่ประณีตชิ้นหนึ่งได้ ในยามฤดูใบไม้ร่วงมาถึงเทศกาลที่ได้ลิ้มรสส้มโอ เริ่มสะสมเมล็ดพันธุ์พร้อมคำนึงถึงการปลูกดูแล คิดไปคิดมาก็เป็นเวลาเกือบ 40 ปีแล้ว

ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา เธอได้ใช้วิธีการที่หลากหลาย เพื่อให้เมล็ดพันธุ์ต่างๆงอกงามแตกต่างกันไป และส่งเสริมการปลูกเมล็ดพันธุ์ในกระถางที่เกิดจากใจที่ชื่นชอบสู่เวทีแห่งศิลปะ สิ่งที่น่ายกย่องคือศิลปะที่เธอนำเสนอนั้นอยู่ใกล้ชิดกับชีวิตผู้คน สามารถทำให้สภาพแวดล้อมสะอาดบริสุทธิ์ สร้างอารมณ์ความรู้สึก และยังสามารถเรียนรู้ ลิ้มรสบทเรียนต่างๆของชีวิตจากกระบวนการปลูก

สิ่งที่สวยงามมักทำให้ผู้คนไม่สามารถคลาดสายตาไปได้ เพื่อการบันทึกความงามของธรรมชาติ อาจารย์ยังได้ฝึกฝนทักษะการถ่ายภาพที่ละเอียดอ่อน หนังสือเล่มนี้ถ่ายทอดความงามของเมล็ดพันธุ์ และกระถางนับร้อย ทั้งยังมีบรรยากาศสีเขียวธรรมชาติแบบเซน ต่างมาจากสองมือของอาจารย์หลินฮุ่ยหลาน ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจากชีวิตเล็กๆเหล่านี้ ยังทำให้วงการศิลปะวรรณกรรมทั้งหลายประทับใจไปกับความงามของธรรมชาติและการเคลื่อนไหวจากหัวใจที่ถ่ายทอดผ่านบทกวี

ศิลปะการปลูกเมล็ดพันธุ์ในกระถางเป็นผลงานการสร้างสิ่งมีชีวิตที่ผสมผสานความงามของธรรมชาติและศิลปะ เป็นท่วงทำนองเพลงที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณและหัวใจของธรรมชาติ